เอ็ม บี เค ประกาศผลประกอบการ มีกำไรสุทธิปี 2566 เป็นจำนวน 1,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 372% รายได้รวม12,101 ล้านบาท ย้ำเดินหน้าพัฒนาศักยภาพทุกธุรกิจ หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม
Backบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK เผยผลประกอบการปี 2566 รายได้รวมอยู่ที่ 12,101 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 372% จากปีก่อนหน้า มีการฟื้นตัวของธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย พร้อมเดินตามแผนกลยุทธ์ปลดล็อคศักยภาพทุกธุรกิจของ เอ็ม บี เค ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินธุรกิจ 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพทย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน และธุรกิจการประมูล
นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจภาพรวมเชิงรายได้ปี 2566 รายได้รวมอยู่ที่ 12,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 2,649 ล้าน บาท คิดเป็น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของบริษัท ฯ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี จึงส่งผลให้ภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิของ เอ็ม บี เค ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์การค้า โรงแรมและสนามกอล์ฟ”
ทั้งนี้ ธุรกิจศูนย์การค้า มีรายได้รวมประมาณ 3,300 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2565 ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49% จากปีก่อน เนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นและมีผู้เช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นตามแผนที่วางไว้
ส่วนธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว รายได้รวมประมาณ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ประมาณ 57% ปัจจัยหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้มีอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเพิ่มสูงขึ้น
ธุรกิจกอล์ฟ มีรายได้รวมประมาณ 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ประมาณ 32% ปัจจัยหลักมาจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสนามกอล์ฟ เรด เมาท์เทิน กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟ ล็อค ปาล์ม คลับ ในจังหวัดภูเก็ต
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รายได้ลดลงจากปีก่อน สาเหตุหลักมาจาก เอ็ม บี เค คงมาตรการระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาโครงการในที่ดินที่บริษัทเป็นเจ้าของและขายโครงการในที่ดินของเอ็ม บี เค อย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจอาหาร รายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายข้าวในประเทศที่เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการส่งออกลดลงมาจากการชะลอคำสั่งซื้อจากประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามธุรกิจศูนย์อาหารของบริษัททั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และสามย่านมิตรทาวน์ มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากจำนวนคนที่มาใช้บริการมากขึ้น
ธุรกิจการเงิน มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในหุ้นทุนธนชาติ (TCAP) จนมีสัดส่วนการลงทุนเข้าเกณฑ์การเป็นบริษัทร่วมทำให้มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามา ทำให้ธุรกิจการเงินมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 84,000 ตารางเมตร พร้อมปรับโฉมใหม่เปลี่ยนทั้งไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ใหม่ของพาราไดซ์ พาร์ค ให้กลายเป็นศูนย์กลางการให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งรักษา บำบัด ส่งเสริมและป้องกัน แบบครบวงจรในย่านศรีนครินทร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ กินดี อยู่ดี สุขภาพดี Living in Harmony ตลอดจนการเพิ่มเติมร้านค้าและบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามครบวงจร อาทิ ร้านอาหารและร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ศูนย์รวมจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ และคลินิกเฉพาะทาง เป็นต้น
กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดให้บริการศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจร ในเดือนธันวาคม 2566 เป็นคลินิกพรีเมี่ยมรามาธิบดีเฮลธ์สเปช แอท พาราไดซ์ พาร์ค บนพื้นที่ขนาด 1,818 ตารางเมตร โดยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา อาทิ อายุรกรรม กุมารเวช กระดูกและข้อ สูติ-นรีเวช เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์แผนทางเลือก เป็นต้น
นอกจากนี้เดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาบริษัท เอ็ม บี เค เปิดดำเนินการโรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร ตั้งอยู่บนถนนรามบุตรี ติดกับถนนข้าวสาร เป็นอาคารสูง 9 ชั้น มีห้องพักจำนวน 215 ห้อง พร้อมสระว่ายน้ำและที่จอดรถ ถึง 150 คัน
นอกจากความสำเร็จจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นในปี 2566 บริษัท เอ็ม บี เค ยังได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศและความภาคภูมิใจ จากหลายหน่วยงาน อาทิ รางวัล GI Best Support Award จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา รางวัล Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รางวัล The International Clean Marina จาก MIA รางวัล Product of the Year Awards 2023 ด้านการท่องเที่ยวและสันทนาการ จากนิตยสาร BUSINESS+ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล รางวัลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน ระดับดีเลิศ 5 ดาว ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2566 ของสถาบันไทยพัฒน์ รางวัลสถานประกอบการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ ประจำปี 2566 ของจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และรางวัล The Bronze Flag Resort & Members Club โดย 59 Club
นายวิจักษณ์ ย้ำว่า “หลังปลดล็อกจากสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจของเอ็ม บี เค มีผลประกอบการฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ พร้อมเดินหน้าตาแผนกลยุทธ ทั้งการบริหารข้อมูลลูกค้า การบริหารข้อมูลด้านการตลาด และใช้กลยุทธ์ด้านการตลาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ ริเวอร์เดล ดิสทริค ซึ่งเป็นทรัพย์สินขนาดใหญ่ของเอ็ม บี เค กรุ๊ป มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ เป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูส ( Mixed-Use) คือนำธุรกิจในเครือเอ็ม บี เค ทั้ง 6 กลุ่มธุรกิจเข้าไปจัดสรรในพื้นที่ ยกเว้นธุรกิจการเงิน พร้อมวางระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ส่วนโครงการที่พักอาศัยระดับหรูอย่าง พาร์ค ริเวอร์เดล และเดอะ ริเวอร์เดล เรสซิเด้นท์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อดำเนินการต่อยอด โครงการพาร์ค ริเวอร์เดล 2 ทั้งนี้เป้าหมายของการขับเคลื่อนธุรกิจที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ ริเวอร์เดล ดิสทริค เราคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว และมีการซื้อที่ดินเพิ่มเติม รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายวิจักษณ์ กล่าวปิดท้าย